หัวใจสำคัญของธุรกิจบริการคือการใส่ใจกับผู้มาใช้บริการการเสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นบุคลสำคัญของตนเอง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม การใส่ใจในการให้บริการ การมอบความสะดวกสบาย ย่อมเป็นหัวใจหลักที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอผู้ประกอบการโรงแรมยังต้องใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าพักอีกด้วย การ ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ (Fire Alarm System) จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ไม่ใช่เป็นเพียงการทำไป ตามข้อกฎหมายบังคับ แต่มันเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อเป็นหลักประกันในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการ ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจได้ในระยะยาวด้วย E-Fix ช่างติดตั้งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ เชียงใหม่ อยากขอแนะนำผู้ประกอบการโรงแรมให้ทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้งระบบเตือนภัยประเภทนี้
การติดตั้งระบบสัญญาเตือนไฟไหม้ มีความจำเป็นทางกฎหมาย
ประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการโรงแรมต้องมีระบบป้องกันอัคคีภัยที่ได้มาตรฐาน อาทิเช่น
- กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งมีการกำหนดว่า จะต้องจัดให้มีการตรวจสอบอาคาร ตามกฎกระทรวงกำหนดประเภทอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบ พ.ศ. 2548 ตามกฎหมายระบุว่า โรงแรม ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป ถูกจัดให้เป็นอาคารที่ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบอาคาร ตามมาตรา 32 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร ซึ่งเป็นการตรวจสอบว่า ระบบป้องกันและระงับอัคคีภัย ทั้งหมดของโรงแรมจะต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐาน อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน
- กฎหมายเกี่ยวกับอาคารสูง ในกรณีที่โรงแรมมีลักษณะเป็น อาคารสูง (สูงตั้งแต่ 23 เมตรขึ้นไป) หรือ อาคารขนาดใหญ่พิเศษ (พื้นที่รวมกันทุกชั้นตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป) กฎหมายกำหนดไว้ว่า อาคารเหล่านี้ ต้องมีการ ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ทุกชั้น โดยในชุดระบบเตือนภัยนี้จะต้องประกอบด้วย อุปกรณ์ส่งสัญญาณเพื่อให้หนีไฟ ที่สามารถส่งเสียงหรือสัญญาณให้คนที่อยู่ในอาคารได้ยินอย่างทั่วถึง และต้องมี อุปกรณ์แจ้งเหตุ ที่มีทั้งระบบแจ้งเหตุอัตโนมัติ (เช่น เครื่องตรวจจับควันหรือความร้อน) และระบบแจ้งเหตุที่ใช้มือ (Manual Call Point) เพื่อให้อุปกรณ์ส่งสัญญาณทำงาน และโรงแรมที่เป็นอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษยังต้องมี ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉิน ที่แยกเป็นอิสระจากระบบอื่น โดยแหล่งจ่ายไฟสำรองนี้จะต้องสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่ ระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้ ได้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
การตรวจสอบและบำรุงรักษาระบบสัญญาณเตือนเพลิงไหม้
หน้าที่ในการตรวจสอบและบำรุงรักษา ถูกกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของโรงแรมที่ ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบอาคารตามมาตรา 32 ทวิ มาทำการตรวจให้ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการตรวจสอบดังนี้
- การตรวจสอบประจำปี: ต้องจัดให้มีการ “ตรวจสอบประจำปี” อย่างสม่ำเสมอ และจัดให้มีการ “ตรวจสอบใหญ่” ทุก 5 ปี
- การบำรุงรักษา: ต้องจัดให้มีการ ตรวจบำรุงรักษาอุปกรณ์ประกอบอาคาร ตามคู่มือปฏิบัติของผู้ผลิตหรือผู้ติดตั้งระบบเตือนไฟไหม้ และต้องจัดทำบันทึกข้อมูลการตรวจบำรุงรักษา ไว้ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด
- การแก้ไขตามคำแนะนำ: ในกรณีที่ผู้ตรวจสอบพบว่า ระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ หรืออุปกรณ์ประกอบอาคารอื่น ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามมาตรฐานกำหนด ผู้ตรวจสอบจะจัดทำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้เจ้าของอาคารดำเนินการ
หากผู้ประกอบการละเลยหน้าที่เหล่านี้ หรือเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นและพบว่าระบบสัญญาณเตือนไม่ทำงานตามมาตรฐาน นอกจากจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายควบคุมอาคารซึ่งมีบทลงโทษตามมา
ความสำคัญที่แท้จริงเกี่ยวกับการติดตั้งระบบเตือนไฟไหม้
เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการโรงแรมต้องใส่ใจในระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ไม่ใช่เรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อไม่ให้ถูกจับถูกปรับ หากแต่มันคือเรื่องของความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้เข้าพักและพนักงาน รวมถึงการรักษาชื่อเสียงและความต่อเนื่องของธุรกิจ พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเรื่องของการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินเป็นหลักนั่นเอง
ระบบแจ้งเตือนคือหัวใจของการหนีภัย
ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการป้องกันและระงับอัคคีภัยในสถานประกอบกิจการ กำหนดไว้ว่า เส้นทางหนีไฟจะต้องสามารถ อพยพพนักงานและผู้เข้าพักไปยังจุดที่ปลอดภัยอย่างปลอดภัยได้ภายในเวลาไม่เกินห้านาที ดังนั้นหากไม่มี การติดตั้งระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ที่ทำงานได้ทันท่วงที การแจ้งเตือนจะล่าช้า ทำให้โอกาสในการอพยพอย่างปลอดภัยในเวลา 5 นาที นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ระบบแจ้งเหตุที่ดีจะต้องประกอบด้วย
- อุปกรณ์แจ้งเหตุอัตโนมัติ: เช่น เครื่องตรวจจับควันหรือความร้อน ที่ต้องมี ความเสถียรสูง และ ความทนทาน รวมถึงมีการออกแบบโครงสร้างภายในที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อ ลดโอกาสการเกิดสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด (False Alarm) ซึ่งสำคัญมากในธุรกิจโรงแรมที่ต้องการความสงบของผู้เข้าพัก
- อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือ (Manual Call Point): เช่น รุ่น CM-FP116 ที่สามารถส่งสัญญาณเตือนภัยพร้อม ไฟกระพริบและเสียงดัง ได้ทันทีเมื่อมีคนกด
มีการเชื่อมต่อระบบเพื่อการควบคุมเพลิงที่รวดเร็ว
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้สมัยใหม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมเหตุการณ์ไม่ให้ลุกลาม เป็นการจำกัดความเสียหายให้เกิดในวงที่จำกัดลงได้ เช่น ระบบที่สามารถเชื่อมต่อกับ ระบบกระจายเสียง (broadcasting system), ระบบพัดลม (fan system), หรือ ระบบรักษาความปลอดภัย (security system) ได้ หรือสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่น ประตู (gate), ระบบโฟม (foam system), และ ระบบหัวกระจายน้ำดับเพลิง (sprinkler system)
การเชื่อมต่อเหล่านี้สามารถที่จะช่วยลดความเสียหายลงได้ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้นหากระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้โดยอัตโนมัติเป็นการจำกัดปริมาณความเสียหาย ซึ่งช่วยปกป้องชีวิตและทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงแรมได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นผู้ประกอบการโรงแรมจึงควรตระหนักว่า การ ติดตั้งระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้ คือการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือการทำเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าตลอดจนถึงพนักงานในด้านความปลอดภัยในชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าจะประเมินเป็นตัวเลขได้ จึงต้องทำการติดตั้งและบำรุงรักษา ตรวจเช็คให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินจริงจะได้สามารถช่วยเหลือชีวิตและทรัพย์สินอันมีค่าได้อย่างทันท่วงที